บลจ.พรินซิเพิล คาด SET ปีนี้ 1500 จุด หากศก.ฟื้น-ไร้โควิดรอบ 2
บลจ.พรินซิเพิล คาด SET ปีนี้ 1500 จุด ภายใต้ท่องเที่ยวฟื้น-ไร้โควิดรอบ 2 แนะลงทุนหุ้นกลุ่มสาธารณูปโภค-โรงพยาบาล-ค้าปลีก แต่เลี่ยงกลุ่มแบงก์-พลังงาน หวังเม็ดเงินต่างชาติไหลกลับตลาดเอเชีย ชูกอง REIT ผลตอบแทนยังสูงถึง 4-6%
นายวิน พรหมแพทย์ ประธานเจ้าหน้าที่การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน พรินซิเพิล จำกัด เปิดเผยในงาน Live Press Conference เปิดตัวกองทุนใหม่ พรินซิเพิล โกลบอล เอ็ดดูเคชั่น เทค ว่า ภาพรวมตลาดหุ้นไทยในช่วงที่เหลือปีนี้ มีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยมองเป้าหมายสูงสุดไว้ที่ระดับประมาณ 1,500 จุด หรือมากกว่า โดยขึ้นกับปัจจัยการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ – ท่องเที่ยว และไม่เกิดการแพร่ระบาดโควิด-19 รอบ 2
อย่างไรก็ตาม หากเปิดประเทศให้ต่างชาติกลับเข้ามาท่องเที่ยวได้ช้า และโควิด-19 ระบาดรอบ 2 ส่งผลให้ประเทศไทยเข้าสู่ล็อกดาวน์อีกครั้ง รวมถึงตัวเลขการจ้างงานหากยังมีความน่ากังวล และราคาน้ำมันปรับตัวลดลงแรง ดัชนีมีโอกาสจะลงมาสู่ระดับแนวรับที่ 1,200 จุด แต่การปรับลงไม่รุนแรงเหมือนก่อนหน้านี้ เนื่องจากมีนักลงทุนรอซื้อหุ้นในราคาถูก
“ตลาดยังมีโอกาสผันผวนได้อีก เพราะเศรษฐกิจไทยพึ่งพาการท่องเที่ยว ซึ่งกว่าจะกลับมาเท่าเดิมเหมือนก่อนโควิด คงใช้เวลาอย่างน้อย 2-3 ปี โดยการฟื้นตัวคงเป็นแบบค่อยเป็นค่อยไป
และหากภาพประคองตัวแบบนี้ ภาครัฐจัดโปรแกรมต่างชาติเที่ยวแบบ Travel Bubble สำเร็จ ไม่เห็นโควิดรอบ 2 ทุกอย่างคลี่คลายเราคงเห็นหุ้นไทยระดับ 1,500 จุด หรือมากกว่า ถ้ากลับกันจะเห็นแนวรับ 1,200 จุด ” นายวินกล่าว
สำหรับกลุ่มหุ้นไทยที่น่าสนใจลงทุนได้แก่ หุ้น Defensive หรือหุ้นปันผลดี เช่น โรงไฟฟ้า ประปา สาธารณูปโภคต่างๆ และกลุ่มที่มีความผันผวนน้อยจากผลกระทบโควิด-19 เช่น กลุ่มโรงพยาบาล อาหาร ค้าปลีก
นอกจากนี้ให้ชะลอการลงทุนกลุ่มธนาคารพาณิชย์โดยให้ติดตามตัวเลขหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้(NPL) ประกอบกัน รวมถึงหุ้นในกลุ่มพลังงานที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นมาค่อนข้างสูงมากแล้ว
ด้านเม็ดเงินนักลงทุนต่างชาติ คาดว่า มีโอกาสไหลกลับเข้าสู่ภูมิภาคเอเชียในปีนี้ ตามกระแสการลงทุนของกองทุนรวมอีทีเอฟ(ETF) ซึ่งปัจจุบันตลาดหุ้นจีนเริ่มมีแรงซื้อกลับเข้ามา ส่วนตลาดหุ้นไทยหากเศรษฐกิจฟื้นตัวได้ดี มีโอกาสเห็นเม็ดเงินนักลงทุนต่างชาติไหลกลับเข้ามาเช่นกัน
นอกจากนี้แนะนำการลงทุนในกลุ่มกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REIT) ประเภทโลจิสติกส์ , ดาต้าเซ็นเตอร์ , ออฟฟิศ ,และโครงสร้างพื้นฐาน เนื่องจากให้อัตราผลตอบแทนจากการปันผลประมาณ 4-6% รายได้จากอัตราการเช่ายังคงเหมือนเดิมไม่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19
สำหรับภาพรวมอัตราดอกเบี้ยในประเทศคาดว่า ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)ยังคงอัตราดอกเบี้ยระดับต่ำในช่วงที่เหลือปีนี้ และจะปรับลดสำหรับสถานการณ์ที่แย่กว่าปัจจุบัน
ขณะที่พันธบัตรดอกเบี้ยระยะสั้นเริ่มชะลอความผันผวน มองเป็นโอกาสการลงทุนในหุ้นกู้เอกชนระดับ A ขึ้นไป เนื่องจากให้อัตราดอกเบี้ยดีกว่าก่อนการแพร่ระบาดของโควิด-19
ขอบคุณข้อมูล efinancethai
ข่าวหุ้นสดใหม่ อัพเดตทุกวันที่นี่ tradestock24 ข่าวหุ้นไทย หุ้นต่างประเทศ ข่าวเศรษฐกิจ