เปิด 8 หลักทรัพย์ เริ่มย้ายกลุ่มเทรดวันนี้ ตัวไหนรอด-ตัวไหนร่วง?

เปิด 8 หลักทรัพย์ เริ่มย้ายกลุ่มเทรดวันนี้ ตัวไหนรอด-ตัวไหนร่วง?

เปิด 8 หลักทรัพย์

เปิด 8 หลักทรัพย์ เริ่มย้ายกลุ่มอุตสาหกรรมวันนี้ เชื่อส่งผลทางจิตวิทยาเชิงบวก แต่เตือนไม่ใช่ทุกหลักทรัพย์ย้ายแล้วจะดี พร้อมส่องตัวไหนแนวโน้มกำไรดูดีสุด

บริษัทหลักทรัพย์(บล.)ดีบีเอสวิคเคอร์ส (DBSV) เปิดเผยผ่านบทวิเคราะห์รายวันว่า มี 8 หลักทรัพย์ที่ย้ายกลุ่มอุตสาหกรรม ได้แก่ APCS – CHOTI – EP – GREEN – MAX – PDI – TEAMG – UPA เนื่องจากธุรกิจหลักเปลี่ยนไป เริ่ม 1 ก.ค.63 ซึ่งในแง่พื้นฐานก็แล้วแต่ละหลักทรัพย์ว่าจะทำได้แข็งแกร่งขึ้นหรือไม่ แต่นัยหนึ่งก็เป็นจิตวิทยาทางบวกว่าไปอยู่กลุ่มที่ได้รับความนิยมกว่าเดิม โดยมีจุดน่าสังเกตุดังนี้

หากพิจารณาในแง่ย้ายไปกลุ่มอุตสาหกรรมที่ซื้อขาย P/E สูงขึ้นจะเป็น APCS, GREEN และ MAX แต่เป็นแค่ จิตวิทยา

หากพิจารณาในแง่ P/E หลักทรัพย์เองที่ต่ำกว่ากลุ่มอุตสาหกรรมใหม่ที่ไปสังกัดคือ EP และ TEAMG

กำไรหลัก Q1/63 ที่อยู่ในเกณฑ์น่าพอใจคือ TEAMG และ EP สำหรับ MAX และ PDI แม้มีกำไรสุทธิก้าวกระโดดแต่เพราะกำไรพิเศษ หากถอดออกยังไม่สดใส ส่วนที่มีกำไรน้อยหรือขาดทุนเป็น APCS, CHOTI, GREEN และ UPA

หลักทรัพย์เดียวที่ฝ่ายวิจัยฯ ทำการวิเคราะห์คือ TEAMG แนะนำ ซื้อ ราคาพื้นฐาน 2.82 บาท ส่วนที่ยังไม่ได้ทำการวิเคราะห์ แต่ศึกษาแล้วน่าสนใจมีแนวโน้มจะแข็งแกร่งคือ EP รายละเอียดตามตาราง

หากวิเคราะห์ผลการดำเนินงาน 1Q63 ตามคำอธิบายบริษัท (MD&A) จะมีสาระสำคัญคือ

APCS : 1Q63 เป็นขาดทุนสุทธิ 62 ล้านบาท
รายได้ในส่วนที่ยังดีคือ รายได้ขายและบริการจากกลุ่มวิศวกรรมก่อสร้าง (EPC) ให้กับลูกค้าโครงการกำจัดขยะ แต่รายได้ ในส่วนอื่นๆที่ยังปรับลดลงคือ ธุรกิจผลิตชิ้นส่วนโลหะ จำหน่ายน้ำดิบ และรายได้ค่าก่อสร้างจากกลุ่มวิศวกรรมก่อสร้าง(EPC) แต่ไตรมาสนี้มีค่าใช้จ่ายพิเศษจากการปรับโครงสร้าง 29 ล้านบาท ที่เกิดขึ้นครั้งเดียว หากไม่นับไตรมาสนี้เป็นขาดทุนจากการดำเนินงาน (Core Losses) ที่ 33 ล้านบาท

CHOTI : 1Q63 เป็นขาดทุนสุทธิ 5 ล้านบาท
เป็นขาดทุนสุทธิน้อยลงเทียบกับ y-o-y ที่ -46 ล้านบาท เนื่องจากมีรายได้จากการส่งออกเพิ่มขึ้นจากเกาหลีและอิตาลี อีก
ทั้งต้นทุนการเงินลดลง เพราะมีการคืนเงินกู้ระยะสั้น ด้วยนโยบายเงินสดที่ดีขึ้น และเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารลูกหนี้

EP : 1Q63 เป็นกำไรสุทธิ 16 ล้านบาท
เดิมมีชื่อว่า โรงพิมพ์ตะวันออก นับได้ว่ากำไรสุทธิลดลงถึง 66% y-o-y แต่เป็นเพราะมีรายการขาดทุนอัตราแลกเปลี่ยนจากโรงไฟฟ้าที่ญี่ปุ่นถึง 122 ล้านบาท แต่ฐานปีที่แล้วกลับเป็นกำไรอัตราแลกเปลี่ยน 36 ล้านบาท ดังนั้นหากไม่นับกำไรหลัก 1Q63 เป็น 138 ล้านบาท เติบโตก้าวกระโดดเทียบ y-o-y ที่กำไร 11 ล้านบาท ถึง 12.5 เท่าตัว ผลพวงจากรายได้จากโรงไฟฟ้าที่ญี่ปุ่นคือ คูริฮาร่า 2 เพิ่มขึ้น แม้รายได้จากสิ่งพิมพ์ลดลง อีกทั้งมีกำไรตามส่วนได้เสียจากบริษัทร่วมที่ทำโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนร่วมก็เพิ่มมากขึ้นด้วย ทั้งนี้โรงไฟฟ้าที่ญี่ปุ่นเพิ่งเริ่มได้ พ.ย.62 จึงคาดว่ากำไรรายไตรมาสปีนี้คือ 1Q-3Q ยังสดใส

GREEN : 1Q63 เป็นกำไรสุทธิ 1 ล้านบาท
ถือว่าดีขึ้นกว่าปีที่แล้วเป็นขาดทุนสุทธิ 1 ล้านบาท เพราะรายได้ธุรกิจพลังงานเพิ่ม และค่าใช้จ่ายขาย-บริหารลดลง แต่ก็ถือว่าไม่น่าสนใจ เพราะฐานรายได้และกำไรอยู่ในเกณฑ์ต่ำมาก

MAX : 1Q63 เป็นกำไรสุทธิ 63 ล้านบาท
ถือว่าเติบโตถึง 797% y-o-y แต่มีกำไรจากรายการพิเศษคือ การยกหนี้ 59 ล้านบาท หากไม่นับเป็นกำไรหลักเพียง 4 ล้านบาท ลดลงจาก y-o-y ที่ 10 ล้านบาท สาเหตุหลักคือ อัตรากำไรขั้นต้นจากการขายที่ปรับตัวลดลง ล่าสุดที่ประชุมผู้ถือหุ้นได้อนุมัติการเข้าซื้อหุ้น 2 บริษัทคือ เดอะมาสเตอร์ เรียลเอสเตท และอริยาเอสเตท

PDI : 1Q63 เป็นกำไรสุทธิ 63 ล้านบาท
ถือว่าเติบโตถึง 460% y-o-y จากเดิมทำธุรกิจเกี่ยวกับสังกะสีมาเป็นพลังงานไฟฟ้า (อุตสาหกรรมสีเขียว) รวมกำลังการผลิตที่ไทยและญี่ปุ่นเป็น 50 MW แต่ไตรมาสนี้มีกำไรจากรายการพิเศษคือ กำไรอัตราแลกเปลี่ยน 67 ล้านบาท หากไม่นับเป็นขาดทุนจากการดำเนินงาน (Core Losses) ที่ 4 ล้านบาท เทียบ y-o-y มีกำไรหลัก 10 ล้านบาท รายการที่ทำให้กลับมาขาดทุนคือ ค่าใช้จ่ายขาย-บริหารที่เพิ่มสูงขึ้น

TEAMG : 1Q63 เป็นกำไรสุทธิ 25 ล้านบาท
ลดลง 4% y-o-y เป็นผลจากการปรับประมาณการต้นทุนของโครงการภาครัฐบางโครงการที่ล่าช้า ทำให้อัตรากำไรขั้นต้นมาอยู่ที่ 25.5% ลดลงจาก y-o-y ที่ 28.0% แต่ข้อดีคือ ค่าใช้จ่ายในการบริหารยังลดลงต่อเนื่อง ไตรมาสนี้อยู่ที่ 19.50%ลดลงมาก เทียบกับปี 62 ที่ 22.3% งานในมือ (Backlog) ยังอยู่ระดับสูงอยู่ที่ 3.6 พันล้านบาท ล่าสุด 2Q63 ได้งานมาเพิ่ม7 โครงการ มูลค่าราว 151 ล้านบาท คงคำแนะนำ ซื้อ ประเมินมูลค่าพื้นฐานเท่ากับ 2.82 บาท/หุ้น โดยอ้างอิงกับ P/E ปี63 ที่ 13 เท่า ข้อดีคือ มีฐานะการเงินดี มีเงินสดในมือสูง เป็นโอกาสในการเตรียมพร้อมสำหรับการขยายการลงทุนในอนาคต และปีนี้ไม่มีค่าใช้จ่ายพิเศษเข้ามา ส่งผลให้กำไรยังเติบโต

UPA : 1Q63 เป็นกำไรสุทธิ 1 ล้านบาท
เทียบกับปีก่อนที่เป็นขาดทุนสุทธิ บริษัทปรับเปลี่ยนธุรกิจจากกลุ่มเทคโนโลยีมาเน้นพลังงานและสาธารณูปโภค แต่นับได้ว่ายังมีฐานรายได้และกำไรที่ต่ำมาก จึงถือว่าไม่น่าสนใจในการเข้าลงทุน

ขอบคุณที่มา – efinancethai

ข่าวหุ้นสดใหม่ อัพเดตทุกวันที่นี่ tradestock24 ข่าวหุ้นไทย หุ้นต่างประเทศ ข่าวเศรษฐกิจ

Recent Articles

spot_img

Related Stories

Leave A Reply

Please enter your comment!
Please enter your name here

Stay on op - Ge the daily news in your inbox